โค้งดิ่ง(Vertical curve)
การก่อสร้างถนนไม่สามารถออกแบบให้ระดับก่อสร้างอยู่ในระดับราบได้ตลอดความยาวถนน เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศมีลักษณะที่ไม่สม่ำเสมอ ดังนั้นจึงต้องอาศัยโค้งในแนวดิ่ง มาประกอบกับการออกแบบถนน โค้งในแนวดิ่ง(vertical curve) มี 2 ประเภทคือ โค้งคว่ำ (Crest vertical curve) และโค้งหงาย (Sag vertical curve)
คำนวณค่าระดับบนโค้งดิ่งด้วยวิธี Offset
Form
กำหนดให้
PVC =จุดเริ่มโค้ง(point
of curvature)
PVT
=จุดสุดโค้ง(point of tangency)
PVI =จุดเปลี่ยนโค้ง(point
of intersection)
L =ความยาวโค้ง(length of
curve) เป็นความยาวโค้งในแนวราบ(horizontal surface)
l = ครึ่งหนึ่งของความยาวโค้งในแนวราบ(L/2)
g1=เกรด(%)ของเส้นสัมผัสด้านที่ผ่าน
PC (Back tangent)
g2=เกรด(%)ของเส้นสัมผัสด้านที่ผ่าน
PT (Forward tangent)
A =ผลต่างทางพีชคณิตของเกรดระหว่าง
PC และPT ที่จุด PI (A = g2 –
g1)
A > 0 → โค้งดิ่งหงาย (sag
curve)
A < 0 → โค้งดิ่งคว่ำ (summit
curve)
e =ระยะในแนวดิ่งระหว่าง PI กับเส้นโค้งพาราโบลา
= ผลต่างของระยะในแนวดิ่ง
(offset) จากจุด (STA) ใดๆบนเส้นโค้งถึงเส้นเกรด
จากสมการ พาราโบลา
No comments:
Post a Comment